คำว่า “ทัศนคติเชิงบวก” หมายถึงชุดความคิดที่มีต่อบางเรื่องอย่างสร้างสรรค์ ทำให้เกิดการขับเคลื่อนไปข้างหน้า ไม่ยอมแพ้
สมมุติว่าคุณไปลงทุนในธุรกิจอะไรสักอย่างนึง แล้วสรุปง่ายๆ ว่ามันเจ๊ง ถ้าสมองของคุณคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือบทเรียนสำคัญที่จะทำให้อนาคตคุณไม่พลาดซ้ำรอยเดิมอีก
ความจริงจะซ้ำรอยเดิมอีกหรือไม่มีใครรู้หรอก แต่ที่แน่ๆฉันจะเดินหน้าต่อไป
อย่างนี้เรียกว่ามีทัศนคติเชิงบวก เพราะความคิดแบบนี้มันผลักให้เราเดินต่อไปข้างหน้า
แต่ถ้าคิดว่าโอ๊ยเจ๊งแล้วครับไม่เอาอีกแล้วครับ รู้อย่างนี้นอนเล่นเกมอยู่บ้านดีกว่า ทำอีกก็เจ็บตัวอีก แบบนี้เรียกว่าทัศนคติในเชิงลบ ซึ่งเป็นขั้วตรงข้าม ใครมีความคิดอย่างนี้ประสบความสำเร็จยากมาก
เคยอ่านเจอมาว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเคยศึกษาเรื่องเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้คน แล้วพบว่าปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จถึง 85% ก็คือทัศนคติเชิงบวกนี่แหละ
ส่วนอีก 15% ที่เหลือเป็นเรื่องของการศึกษา ชาติตระกูล รวมไปถึงรูปร่างหน้าตาว่าหล่อสวยด้วยกันขนาดไหน
การมีทัศนคติในเชิงบวกจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของความสำเร็จเลยก็ว่าได้
หากต้องการประสบความสำเร็จในสิ่งใดก็ตาม จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเริ่มจากการมีทัศนคติเชิงบวกทำงานอยู่ภายในสมองและระบบประสาทของเรา
เพราะคนที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่เคยผิดพลาดนะ แต่ที่สำคัญคือพลาดแล้วจะเชิดหน้ายิ้มสู้แล้วเดินต่อไปหรือเปล่า?