ขอบเขตของโลกใบนี้
สมมุติว่าถ้าโลกนี้มันเกิดแบนขึ้นมาจริงๆนะ คำถามก็คือขอบโลกมันจะไปสุดอยู่ที่ตรงไหน? พื้นที่โลกที่เราอาศัยอยู่นี้มันจะกว้างใหญ่ไพศาลได้มากน้อยซักขนาดไหน?
ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายถ้าหากจะบอกว่าโลกยิ่งกว้างก็ยิ่งเป็นการดีต่อเรา เพราะยิ่งมีพื้นที่กว้างไกลออกไปมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งมีทรัพยากร มีหนทาง และที่สำคัญคือมีโอกาสได้มากยิ่งขึ้น
สมมุติว่าถ้าโลกที่เราอาศัยอยู่ในทุกวันนี้มันใหญ่กว่านี้อีกสัก 10 เท่า(แต่ประชากรเท่าเดิมนะ) บางทีเราอาจจะไม่ต้องมาสู้รบแย่งทรัพยากรอะไรกันแบบทุกวันนี้ก็ได้(มั๊ง)
สำหรับเอ็นแอลพีแล้ว แน่นอนเราไม่ได้คิดว่าโลกนี้แบนหรอก (หรือถ้าใครจะคิดอย่างนั้นจริงๆ เราก็คงไม่ห้าม)
แต่เราคิดว่า "พื้นที่บนโลกใบนี้ของแต่ละคนนั้นมีไม่เท่ากัน" อันนี้คือหัวข้อหนึ่งที่นักเอ็นแอลพีจริงจังกันมาก
กฎพื้นฐานก็คือ ใครมีพื้นที่บนโลกของตัวเองมากกว่าเขาย่อมได้เปรียบ ที่ได้เปรียบเพราะเขาย่อมมีทรัพยากร มีโอกาสมากกว่าคนอื่น
และเหตุผลสำคัญที่ทำให้แต่ละคนมีพื้นที่บนโลกใบนี้ไม่เท่ากันก็คือ “ความเชื่อ” (Believe) ของแต่ละคนนั่นเอง
เราเชื่ออย่างไรชีวิตของเราก็จะเป็นอย่างนั้น
ความเชื่อที่มีอยู่กว้างแคบขนาดไหน ชีวิตที่ดำเนินก็จะมีความกว้างแคบได้ขนาดนั้นแหละ
อะไรก็ตาม ถ้าเราเชื่อว่าทำไม่ได้เราก็จะไม่ลงมือทำหรอก แต่ถ้าเราเชื่อว่าเราทำได้เราก็จะลงมือทำ และถึงแม้ว่าทำไปแล้วมันจะไม่ได้ผลตามที่คาดหวังกันเอาไว้เราก็จะลงมือทำไปเรื่อยๆนั่นแหละ
เหตุผลก็เพราะเราเชื่อไปแล้วว่าเราทำได้
กลไกการทำงานของความเชื่อนั้นไม่มีเหตุผล แต่การไม่มีเหตุผลของมันนี่แหละคือพลังที่สำคัญมาก
ดังนั้นการเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ และมีชุดความเชื่อที่สร้างสรรค์ อย่างน้อยๆก็สร้างสรรค์กับตนเองหรือกับคนที่อยู่รอบๆ (และจะดีกว่านั้นหากสร้างสรรค์ต่อสังคมหรือโลกใบนี้ด้วย) จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
ความเชื่อที่เรามีอยู่ในขณะนี้มันสร้างสรรค์แล้วหรือยัง?
หลักฐานสำคัญที่เป็นตัวบ่งชี้ว่าความเชื่อของเราสร้างสรรค์หรือไม่ก็คือการมี “ความสุข” และ “ความสำเร็จ” ควบคู่กันไปทั้งสองอย่างในชีวิต
ชีวิตคนเรามันควรจะมีสองอย่างนี้ควบคู่กันไป จะเล็กใหญ่ก็คงอีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าหากคุณมีทุกอย่างพร้อมดีแล้วเราก็ยินดีด้วย
แต่ถ้าหากยังไม่มี
“ถึงเวลาที่คุณจะต้องเปลี่ยนความเชื่อของคุณแล้วหรือยัง?”