IKEA Effect

   


วันก่อนคุยกับเพื่อนอยู่ว่า ตู้หนังสือของ IKEA ก็ใช้ดีอยู่ ตู้ที่บ้านที่ใช้งานอยู่ก็ซื้อมาจากที่นี่แหละ ยัดหนังสือเข้าไปตั้งเยอะแยะทิ้งไว้หลายปีดีดักตัวชั้นวางก็ยังไม่แอ่นตกท้องช้างเหมือนชั้นหนังสือ(ถูกๆ)ที่เคยซื้อมาใช้
 
ว่าไปแล้วก็ทำให้นึกถึงคำว่า " IKEA Effect " ขึ้นมา
 
IKEA Effect คืออะไร?
 
หลักง่ายๆ ของมันมีอยู่ว่า "สิ่งใดก็ตามที่คุณเข้าไปมีส่วนร่วมหรือลงมือลงแรงไปกับมัน ... สำหรับคุณแล้วสิ่งนั่นย่อมมีค่าสำคัญกว่าสิ่งอื่นๆ เสมอ"
 
ถ้าใครเคยไปซื้อเฟอร์นิเจอร์ IKEA สิ่งแรกที่ทุกคนจะต้องโดนก็คือความลำบากลำบนในการลากกล่องเฟอร์นิเจอร์หนักโคตรๆ ออกมาจากชั้นวาง จากนั้นก็ต้องลากมันไปจ่ายเงิน จากนั้นคุณต้องออกแรงยกมันขึ้นรถ แล้วเอามาประกอบเองที่บ้าน (บางคนทนไม่ไหวก็ต้องจ้างเขาไปส่งและประกอบให้ที่บ้าน ซึ่งมันถูกๆ เสียที่ไหน) 
 
ถึงแม้เขาจะเคลมว่าเฟอร์นิเจอร์ IKEA ออกแบบมาอย่างดีประกอบง่าย แต่ถ้าใครลองมาทำดูซักทีจะรู้ว่ามันไม่ง่ายซักเท่าไหร่หรอก อย่างน้อยก็ต้องเหนื่อยแน่ๆ โดยเฉพาะกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆ ที่มีชิ้นส่วนจำนวนมากอย่างเจ้าโต๊ะทำงานที่ผมกำลังนั่งเขียนบทความอยู่นี้จำได้ว่าตอนประกอบก็เล่นเอาแทบแย่เหมือนกัน
 
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการที่ยากลำบากนี้?
 
ถ้าใครมีเพื่อนอยู่ต่างประเทศท่านก็จะทราบว่าความจริงแล้วเฟอร์นิเจอร์ IKEA ในต่างประเทศนั้นเป็นสินค้าประเภทเกรดถูกๆ ไม่ได้หรูหราอะไร การจะซื้อจะประกอบซักชิ้นนั้นก็แสนจะลำบากลำบนกว่ายี่ห้ออื่นที่มีบริการส่งและประกอบพร้อมสรรพ์ (เขาอ้างว่ามันถูกเพราะไม่ได้รวมค่าขนส่งและค่าช่างเข้าไปในราคาสินค้า) แต่ถึงกระนั้นเฟอร์นิเจอร์ IKEA ก็ยังขายดีไปทั่วโลก
 
จากการสำรวจพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ของ IKEA มีแนวโน้มที่จะพึงพอใจในสินค้าที่ตัวเองซื้อไปมากกว่ายี่ห้ออื่นๆ "อย่างมีนัยยะสำคัญ"
 
เพราะอะไร? ราคา? บริการ? หรือคุณภาพ?
 
เปล่าเลยครับ สาเหตุที่สำคัญคือ "ความลำบากลำบน" นี่แหละ
 
กลายเป็นว่าความลำบากลำบนในการได้มาซึ่งสินค้า ไม่ว่าจะตั้งแต่ตอนลากกล่องหนักๆ ออกมาจากชั้น การทุลักทุเลขนกล่องขึ้นรถ หรือความเหนื่อยยากแสนสาหัสในตอนประกอบมันจนสำเร็จ ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ทำให้ลูกค้าเกิดมี "ส่วนร่วม" ไปกับสินค้าไปโดยปริยาย
 
ลองคิดถึงว่าคุณต้องลากกล่องบ้าหนักโคตรออกมาจากชั้น ลากไปจ่ายเงิน แบกมันขึ้นรถ และยังต้องมาลำบากลำบนประกอบมันจนสำเร็จ ..... แต่ทันทีที่สำเร็จเท่านั้นแหละ คุณจะมองมันด้วยความภาคิภูมิใจโคตรๆ จนลืมไปเลยว่ามันคือเฟอร์นิเจอร์เกรดธรรมดาๆ นี่แหละ
 
นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า IKEA Effect
 
จากเรื่อง IKEA Effect นี้มันบอกเราอย่างน้อยสามเรื่องด้วยกัน คือ
 
1. ถ้าอยากให้สิ่งใดมีคุณค่ามากเป็นพิเศษ จงสร้างเงื่อนไขที่ทำให้ผู้คนจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมหรือลงมือลงแรงกับมัน ยิ่งเขารู้สึกว่าต้องลงแรงหรือลงความพยายามกับสิ่งนั้นมากเท่าไหร่ ของสิ่งนั้นก็ยิ่งมีคุณค่ามากขึ้นสำหรับตัวเขา
 
2. ถ้าไม่อยากทะเลาะกันหรือเขม่นกับใครแบบไร้สาระ จงอย่างไปตำหนิหรือวิจารณ์สิ่งที่เขามีส่วนร่วมลงมือหรือลงแรงไปโดยเด็ดขาด เพราะสิ่งที่คุณทำมันไม่ได้เพียงแค่วิจารณ์ผลงงานของเขา หากแต่เป็นการวิจารณ์ตัวตนของเขาโดยตรงเลยทีเดียว
 
3. และในทางตรงข้ามถ้าคุณอยาก Rapport (ผูกมิตรสัมพันธ์) ใครก็ตาม ก็จงชื่นชมสิ่งที่เขามีส่วนร่วมลงหรือลงแรงเข้าไว้ เพราะการที่คุณชื่นชมสิ่งนั้นมันก็ไม่แตกต่างการชื่นชมเจ้าตัวโดยตรงด้วยเช่นกัน