โดยหลักการทั่วไปแล้ว “ภวังค์” (Trance) ยึ่งลึก ระบบประสาทการรับรู้ก็ยิ่งตัดขาดจากโลกภายนอกมากขึ้นเรื่อยๆ

 

เรื่องนี้อาจฟังแล้วเหนือธรรมชาติซักหน่อยสำหรับคนที่ไม่เข้าใจ แต่ความจริงแล้วมันก็เป็นสิ่งที่เกิดอยู่บ่อยๆ ในชีวิตประจำวันของเรา

 

บางทีคุณอาจจะเคยนั่งฟังเพลง หรืออ่านอะไรเพลินๆ จนนั่งเลยสถานีรถไฟหรือป้ายรถประจำทางที่ตั้งใจจะลงก็ได้นะ

 

โลกภายนอกจะหายไปจากการรับรู้ของเราได้ชั่วขณะหนึ่งเมื่อจิต(สมองและระบบประสาท)ของเรามันกำลังจดจ่อเข้ากับอะไรบางอย่าง

 

นั่นแหละห้วงภวังค์ล่ะ

 

อาศัยหลักการนี้ ผู้คนจึงสามารถทำท่ากระพือปีกเหมือนนก ยืนนิ่งๆเป็นต้นไม้ ทำเป็นว่าหลับชนิดใครมาปลุกก็ไม่ตื่น หรือลุกขึ้นมาเต้นท่าเอลวิสได้ โดยไม่สนใจสายตาคนดูได้ เมื่อนักสะกดจิตประเภท Stage Show ออกคำสั่งให้ทำสิ่งเหล่านั้น

 

ก็ในเมื่อไม่รับรู้ไม่สนใจกับโลกภายนอก จึงสามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็น(ตามคำสั่งที่ได้รับ)ได้อย่างเต็มที่แบบไม่ต้องแคร์สื่อ

 

ความจริงหลักการมันก็มีง่ายๆแค่นี้

 

สำหรับการสะกดจิตบำบัด (Hypnotherapy) ซึ่งเป็นการใช้เทคนิคการสะกดจิต(Hypnosis) เพื่อจัดการแก้ไขปัญหาบางอย่างภายในจิตใจนั้น

 

ภวังค์ที่ถูกสร้างขึ้นนี้จะเป็นเหมือนกับพื้นภายในจิตใจที่ถูกเคลียร์จนว่างเปล่า ปราศจากซึ่งสิ่งรบกวนต่างๆ

 

ก็เพราะมันว่างนี่แหละจึงง่ายที่จะปลูกสร้างอะไรบางอย่างลงไปตามที่ต้องการ

 

สิ่งต่างๆ ซึ่งกำลังรู้ในขณะที่จิตของเราอยู่ในห้วงภวังค์จึงง่ายที่ฝังตัวลงสู่ชั้นจิตใต้สำนึก แล้วเกิดผลลัพธ์อะไรบางอย่างขึ้นมาตามทิศทางที่เราต้องการในสภาวะแบบนี้

 

ผมจึงมักบอกอยู่เสมอว่า โดยเนื้อแท้แล้ว การสะกดจิตบำบัด(Hypnotherapy) คือ

 

“การให้แนะนำในการแก้ปัญหาในขณะที่จิตของผู้รับฟังอยู่สภาวะที่เป็นภวังค์”

 

ไม่มีอะไรพิเศษมากกว่านั้น

 

ก็เพราะให้คำแนะนำในภาวะปรกติแล้วมันมีแรงต้านมาก เหตุผลที่จะไม่ยอมรับมันมีเยอะแยะ เราเลยต้องลัดไปหาที่ว่างๆในภวังค์แล้วให้คำแนะนำว่าควรจัดการกับปัญหาพวกนั้นอย่างไร

 

ซึ่งมันได้ผลและประหยัดเวลากว่า

 

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าการสะกดจิตบำบัดครับ