ไม่ต้องเข้มแข็งนักก็ได้

   


"ไม่ต้องเข้มแข็งนักก็ได้"

 
คริส จามิ นักประพันธ์ชื่อดังคนหนึ่งของอเมริกาเคยกล่าวเอาไว้ว่า "การแสดงความเปราะบางมันทำให้คุณอ่อนแอ แต่การยอมแสดงความอ่อนแอออกมานั่นแหละคือการแสดงความเข้มแข็งของคุณ"
 
จิตวิทยาเชิงบวกมักจะพูดกันว่า คุณต้องมองโลกในแง่ที่ดี มีสิ่งที่ดีแม้ในสิ่งที่ร้ายเสมอ การมองโลกในแง่ที่ดีจะทำให้คุณเข้มแข็ง และความเข้มแข็งจะทำให้คุณหลุดพ้นจากความทุกข์
 
ซึ่งเขาก็ไม่ได้พูดอะไรผิดหรอกนะ
 
แต่วันนี้เราจะบอกคุณว่า
 

"มันก็โอเคนะหากคุณจะยอมให้ตัวเองอ่อนแอซะบ้าง" 

เพราะการใส่หน้ากากของความเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลา มันเหนื่อยนะ เหนื่อยเหลือเกิน และมันเป็นภาระที่หนักยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้นด้วย
 
เมื่อตอนอ.อายุ 24 ปี ครอบครัวอ.เกิดวิกฤติทางการเงิน บ้านจะโดนยึด ในฐานะที่เป็นลูกคนโตก็ต้องรับผิดชอบซื้อบ้านใหม่ให้ครอบครัวอยู่ ด้วยเงินเดือนตอนนั้นที่ยังไม่ถึง 25,000.- เลย 
 
แน่นอนไม่มีใครอยากมีหนี้เป็นล้านตอนอายุเท่านั้นหรอกแต่มันคือหน้าที่ที่เราจะต้องรับผิดชอบ ก็เลยได้แต่ยิ้มรับและบอกตัวเองว่า "ไม่เป็นไร ดีซะอีก มีบ้านเป็นของตัวเองได้ตั้งแต่ยังไม่ 25 ปีเลย" 
 
ตลอดการหาบ้านใหม่และการทำเรื่องกู้อ.ไม่เคยบ่น ไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเครียดเลยแม้แต่น้อย มีแต่บอกตัวเองว่า "ชั้นทำได้แหละ เข้มแข็งไว้ ทุกอย่างจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี" ซึ่งทุกอย่างมันก็ผ่านไปได้ด้วยดีจริง ๆ แหละ
 
หลังจากการกู้บ้านเสร็จสิ้นไปไม่กี่วัน วันนั้นอ.กำลังขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้าน จู่ ๆ น้ำตาก็ร่วงออกมาโดยไม่มีสาเหตุ แถมร้องแบบไม่สามารถเบรกมันได้เลย ในใจรู้ทันทีเลยว่ามันคือน้ำตาของความกลัวว่าต่อไปจะผ่อนไหวมั้ย น้ำตาของความโกรธว่าทำไมต้องเป็นเรา และ น้ำตาของความเครียดของภาระทั้งหมดที่เราจะต้องแบกต่อไป
 
แต่ทันทีที่น้ำตาเหือดหาย อ.ก็รู้สึกโล่งขึ้นมาทันที ก้อนที่เคยจุกอยู่ที่อกโดยไม่รู้สาเหตุมันก็หายไปในพริบตา ความรู้สึกที่ถูกกดเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคำพูดที่บอกตัวเองว่า "ไม่เป็นไรนะ เข้มแข็งไว้" มันมลายไปในทันที
 
คงเหลือไว้เพียงความรู้สึก
ได้รับการปลดปล่อย
เป็นอิสระ
สงบ
และสบายใจ
ที่อยู่ในหัวใจของตัวเอง
 
ตอนนั้นเองที่อ.ได้เข้าใจว่า ความพยายามที่จะเข้มแข็งตลอดเวลา มันคือการปฏิเสธความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง 
 
บ่อยครั้งเหลือเกินที่เรามักจะสร้างกำแพงแห่งความเข้มแข็งขึ้นมาเพื่อปกป้องตนเองจากความเจ็บปวด จากความเศร้าแห่งการสูญเสีย หรือความทุกข์แห่งภาระและการเปลี่ยนแปลงของชีวิต เราแสดงตนออกไปว่าเราไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร และเราเก่ง เข้มแข็ง เราไม่ร้องไห้ และเราก็โอเคเสมอแม้ต้องเจอกับพายุชีวิตที่ซัดกระหน่ำเข้ามา
 
แต่วันนี้เราขอให้คุณรู้เอาไว้ว่า 
 

"น้ำตาไม่ใช่เรื่องของคนอ่อนแอ" 

น้ำตาจะเป็นเครื่องช่วยให้คุณสามารถปรับอารมณ์ของตนได้ ดังนั้นแล้วเมื่ออยากร้องไห้ก็จงร้องออกมา ไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณจะไปกลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วปล่อยให้มันกลายเป็นน้ำเน่าที่อยู่ในใจ
 
ในความโชคร้ายที่สุดก็ยังมีโชคดีอยู่ฉันท์ใด ในความอ่อนแอที่สุดก็ยังมีส่วนที่ดีของมันอยู่ฉันท์นั้น เพราะเมื่อเราอ่อนแอเราจะยอมให้ตนเองพึ่งพิงผู้อื่นบ้าง ให้ความรักและความห่วงใยจากพวกเขาทำให้เราเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น และที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อเรายอมรับว่าตนอ่อนแอ เราจะเปิดรับกำลังใจจากผู้อื่น และนั่นจะเป็นตัวที่ช่วยพาให้เรากลับมายืนขึ้นใหม่ได้อีกครั้งด้วยความมั่นคง แล้วจุด ๆ นั้นเองที่คุณจะได้เรียนรู้ว่า 
 
"คุณไม่ได้อยู่เพียงตัวคนเดียว"
 
จงจำไว้ว่าครั้งต่อไปเมื่อคุณรู้สึกอ่อนแอขึ้นมา 
ขอให้ใช้ความกล้าและหันไปบอกคนข้าง ๆ ของคุณว่า 
 

"กอดฉันที"