การอ่านใจ (Mind Reading)

   


ว่ากันโดยหลักการ (ของ NLP) แล้ว เราจะสามารถอ่านใจ (Mind Reading) คนอื่นได้
 
"ก็ต่อเมื่อเราสามารถประเมินได้ว่าคนอื่นคิดอะไรกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ในขณะนั้น"
 
เรื่องนี้พูดเหมือนง่าย 
 
แต่ความจริงเราก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนเรานั้นมีแนวโน้มจะคิดเข้าข้างตัวเองอยู่เสมอ  
 
เช่นถ้าเราจะทดลองมอบหมายงานง่ายๆ ใครซักคนทำแล้วให้ค่าตอบแทนเขาสูงมากๆ หน่อย เช่นใช้ให้เดินไปซื้อชาดำเย็นซักถุงนึงจากร้านใกล้ๆ แล้วก็ให้ค่าจ้างเดินไปซื้อเป็นเงิน 200 บาท จากนั้นก็ถามเขาว่า "คุณคิดว่าเงินจำนวนนี้เป็นค่าตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับคุณหรือไม่?"
 
เชื่อเถอะว่าคนส่วนใหญ่จะตอบว่า "เหมาะสมดีแล้ว" น้อยคนมากที่จะตอบว่า "มันมากเกินไปสำหรับงานแค่นี้"
 
การทดลองทำนองแบบนี้ความจริงไม่ต้องไปเสียเวลาทำหรอก เพราะได้เคยมีนักพฤติกรรมศาสตร์ทดลองกันมานักต่อนักแล้ว และผลที่ได้ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
 
คือ "คนเรานั้นมีแนวโน้มจะคิดเข้าข้างตัวเองหรือให้ราคากับตัวเองสูงเกินความเป็นจริงอยู่เสมอ"
 
ไม่ว่าเราจะทำอะไรอยู่ก็ตาม มันมีโอกาสสูงทีเดียวที่เราจะรู้สึกว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่ในขณะนั้นมันก็เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว โอเคแล้ว เหมาะสมดีแล้ว หรือไม่เห็นมีอะไรเสียหายตรงไหนเลย
 
NLP อธิบายยิ่งมีความคิดหรือความรู้สึกนี้ทำนองนี้เท่าไหร่ มิติการรับรู้ของเรามันก็จะยิ่งหดแคบเข้าเรื่อยๆ
 
(หรืออาจจะจะบอกว่ากำลังเห็นแก่ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้ แต่โดยเจตนาแล้วผมไม่ได้ต้องการให้มีความหมายรุนแรงถึงขนาดนั้น) 
 
จนในที่สุด มิติการรับรู้มันก็จะหดแคยเสียจนเราไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าในที่สุดแล้วคนอื่นๆ เขาคิดหรือรู้สึกอะไรกับเรา?
 
เมื่อเป็นดังนั้นแล้วมันจึงไม่แปลกเลยว่าทำไมเราจึงไม่สามารถเข้าใจคนอื่นได้ และมันก็คงไม่ดีแน่ๆ กับการสื่อสารหรือสนทนาที่เราไม่สามารถเข้าใจคนอื่นได้นอกจากตัวเราเอง
 
คุณยังจำทฤษฎี "กระจกเงา" ได้ไหม?
 
ที่บอกว่าคนที่อยู่รอบตัวเราแท้จริงแล้วคือภาพสะท้อนจากตัวของเราเอง เราเป็นอย่างไรนั่งคือเหตุผลที่ทำให้คนรอบๆ ตัวของเราเป็นอย่างนั้น
 
ดังนั้นลองถ้าเราไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นได้แล้วล่ะก็ ก็อย่าแปลกใจไปเลยหากเราจะรู้สึกว่า "ทำไมจึงไม่มีใครเข้าฉันเลย?"
 
ดังนั้นแล้ว มันจึงการดีอย่างยิ่งหากเราเรียนรู้ที่จะฝึกถอดหัวโขนหรือละอัตตาความเป็นตัวของเราเองลงเสียบ้าง 
 
ลองฝึกที่จะพิจารนาตัวเอง ฝึกที่จะออกนอกกรอบของคำว่า "ตัวเอง" แล้วถอยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองอย่างตรงไปตรงมา (ผมย้ำว่าตรงไปตรงมานะ ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาชมหรือตำหนิเพียงอย่างเดียว ไม่อย่านั้นมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก)
 
สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งหากเราต้องการที่จะเข้าใจคนอื่นให้มากยิ่งขึ้น
 
รวมไปถึงการทำให้คนอื่นเข้าใจเรามากยึ่งขึ้นด้วย 
 
:)